วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกที่ข้าพเจ้าสนใจ



มรดกโลกในประเทศฝรั่งเศส
Patrimoine Mondial en France

มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์



1. บทนำ
             มรดกโลก (ภาษาอังกฤษ: World Heritage Site ภาษาฝรั่งเศส Patrimoine Mondial) คือสถานที่ อันได้แก่ ป่าไม้ ภูเขา ทะเลสาบ ทะเลทราย อนุสาวรีย์ สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมไปถึงเมือง ที่คัดเลือกโดยองค์การยูเนสโก UNESCO (United Nations Educational, Scientific and Cultural Organization) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2515 เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงคุณค่าของสิ่งที่มนุษยชาติ หรือธรรมชาติได้สร้างขึ้นมา และควรจะปกป้องสิ่งเหล่านั้นได้อย่างไร เพื่อให้ได้ตกทอดไปถึงอนาคต และเกือบทุกประเทศทั่วโลกก็จะมีมรดกโลก และหนึ่งในนั้นก็มีทวีปยุโรปที่มีมรดกโลกมากเป็นอันดับ1ของโลก และประเทศฝรั่งเศสก็เป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับคัดเลือกสถานที่สำคัญมากมายจากองค์กรยูเนสโกว่ามีมรดกโลกเยอะมาก
ดังนั้นกลุ่มของข้าพเจ้าจึงมีความสนใจ และ เห็นความสำคัญเกี่ยวกับคุณค่าทางอนุสรณ์สถานของ มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์ หรือ มหาวิหารแรงส์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมหาวิหารแรงส์แห่งนี้ได้ผ่านการพิจารณาจากองค์การยูเนสโกว่าเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
(i) เป็นตัวแทนในการแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันชาญฉลาดของมนุษย์
(ii) เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวน และภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆ ของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
(vi) มีความคิดหรือความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
และกลุ่มของข้าพเจ้าจะได้ศึกษาประวัติศาสตร์ของหาวิหารแรงส์และทำความเข้าใจเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ให้มากยิ่งขึ้น

http://th.wikipedia.org/wiki     http://whc.unesco.org/en/list/601


2. ที่ตั้งและภูมิประเทศ


ที่ตั้ง : เมืองแรงส์ จังหวัดมาร์น แคว้นชองปาญ-อาร์แดน ประเทศฝรั่งเศส เมืองแรงส์ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส ราว 129 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงเหนือของปารีส
แรงส์ ก่อตั้งขึ้นโดยกอล และ กลายมาเป็นเมืองสำคัญระหว่างสมัยจักรวรรดิโรมัน ต่อมาแรงส์ก็มามีบทบาทสำคัญต่อราชบัลลังก์ฝรั่งเศสในการเป็นสถานที่สำหรับการทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสที่มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์

ภูมิประเทศ : ประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก มีพื้นที่ 543,935 ตารางกิโลเมตร (210,013 ตารางไมล์) ทำให้ประเทศฝรั่งเศสเป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรป
ประเทศฝรั่งเศสมีพื้นที่ครอบคลุมลักษณะภูมิประเทศที่หลากหลายมากตั้งแต่ที่ราบชายฝั่งในภาคเหนือและตะวันตก ซึ่งติดกับทะเลเหนือและมหาสมุทรแอตแลนติก ไปจนถึงเทือกเขาแอลป์ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ที่ราบสูงมาสซิฟ ซองตราล ทางภาคใต้ตอนกลางและเทือกเขาปีเรเนส์ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ ประเทศฝรั่งเศสยังมีจุดที่สูงที่สุดในทวีปยุโรปตะวันตกคือ ยอดเขามงต์บล็องก์ หรือ มองต์บลังก์ (Mont Blanc) ซึ่งสูง 4,807 เมตร (15,770 ฟุต) ตั้งอยู่บนเทือกเขาแอลป์ บริเวณชายแดนประเทศฝรั่งเศสและอิตาลี ประเทศฝรั่งเศสภาคพื้นทวีปยุโรปยังมีแม่น้ำต่างๆ ที่สำคัญอีกมากมาย เช่น แม่น้ำลัวร์,แม่น้ำการอนน์,แม่น้ำแซนและแม่น้ำโรนซึ่งแบ่งที่ราบสูงมาสซิฟ ซองตราลออกจากเทือกเขาแอลป์อีกด้วย โดยไหลลงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่กามาร์ก ซึ่งเป็นจุดที่ต่ำที่สุดในประเทศฝรั่งเศส (2 เมตร หรือ 6.5 ฟุต จากระดับน้ำทะเล) และยังมีกอร์ส (คอร์ซิกา) ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

http://th.wikipedia.org/wiki


3. ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์


     มหาวิหารแรงส์ หรือ มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์ (Cathédrale Notre-Dame de Reims) เป็นมหาวิหารของเมืองแรงส์ ประเทศฝรั่งเศส เมืองแรงส์ก่อตั้งขึ้นโดยกอล และ กลายมาเป็นเมืองสำคัญระหว่างสมัยจักรวรรดิโรมัน ต่อมาแรงส์ก็มามีบทบาทสำคัญต่อราชบัลลังก์ฝรั่งเศสในการเป็นสถานที่สำหรับการทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสที่มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์  มหาวิหารแรงส์ หรือ มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์ ยังเคยใช้ในพิธีสวมมงกุฎกษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศส มหาวิหารที่เห็นในปัจจุบันสร้างบนมหาวิหารเดิมที่ถูกไหม้ไปเมื่อค.ศ. 1211
ที่พระเจ้าโคลวิสที่ 1 ผู้ถือกันว่าเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรกของฝรั่งเศสได้ทำพิธีรับศีลจุ่มจากนักบุญเรมี(St.Remi) บาทหลวงของเมืองแรงส์ เมื่อค.ศ. 496

http://th.wikipedia.org/wiki



4. ผู้สร้าง/ยุคสมัยที่สร้าง/การก่อสร้าง


          มหาวิหารสร้างเสร็จเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 ยกเว้นด้านหน้าซึ่งมาเสร็จเอาอีกศตวรรษหนึ่งต่อมา แต่ยังเป็นสถาปัตยกรรมของคริสต์ศตวรรษที่ 13 ทางเดินกลางขยายให้ยาวขึ้นเพื่อให้มีเนื้อที่เพียงพอกับผู้ที่เข้าร่วมพิธีสวมมงกุฎ หอสูง 81 เมตรย่อจากแบบเดิมที่ออกแบบให้สูง 120 เมตร หอด้านใต้มีระฆังสองใบ ใบหนึ่งคาร์ดินาลแห่งลอเรนตั้งชื่อให้ว่า “ชาร์ลอต” เมื่อปีค.ศ. 1570 ซึ่งหนักกว่า 10,000 กิโลกรัมหรือ 11 ตัน

           เมื่อปี ค.ศ. 1875 รัฐสภาแห่งประเทศฝรั่งเศสอนุมัติเงินจำนวน 80,000 ปอนด์เพื่อปฏิสังขรณ์ด้านหน้ามหาวิหาร ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของมหาวิหาร และนับว่าเป็นงานฝีมือชิ้นเอกจากยุคกลาง เมื่อมหาวิหารโดนระเบิดระหว่างสงครามโลกครั้งที่หนึ่งก็ได้ทำลายบริเวณสำคัญๆ ของมหาวิหารไปมาก การบูรณะปฏิสังขรณ์เริ่มอีกครั้งเมื่อปี ค.ศ. 1919 และมาเสร็จเมื่อในปี ค.ศ. 1938 แต่การซ่อมก็ยังทำต่อเนื่องกันมาโดยมิได้หยุดยั้งจนทุกวันนี้

http://abroad-tour.com/france/ville_de_rheims/notre_dame_de_reims.html


5. รูปแบบศิลปะและองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม

รูปแบบภายนอก : ประตูทางเข้าด้านหน้ามีสามบาน แต่ละบานเต็มไปด้วยรูปปั้นทั้งใหญ่และเล็กประดับ ประตูกลางอุทิศให้กับพระแม่มารี เหนือประตูแทนที่จะเป็นหน้าบันหินแกะสลักกลับเป็นหน้าต่างกุหลาบกรอบเป็นซุ้มโค้งที่ประกอบไปด้วยรูปปั้น เหนือระดับประตูเป็นระเบียงตรงกลาง และด้านล่างเหนือประตูจะมีหน้าต่างกุหลาบบานใหญ่อีกบานหนึ่ง ถัดขึ้นไปจากนั้นเป็นระเบียงรูปปั้นพระเจ้าแผ่นดิน (gallery of the kings) ซึ่งมีรูปปั้นพระเจ้าโคลวิสที่ 1 รับศึลจุ่มอยู่ตรงกลาง
ด้านหน้าทางแขนกางเขนด้านเหนือและใต้ตกแต่งด้วยรูปปั้น ทางด้านเหนือเป็นบาทหลวงของแรงส์ และการตัดสินครั้งสุดท้าย (Last Judgment) และรูป “พระเยซูผู้งดงาม” (“le Beau Dieu”) ทางด้านใต้เป็นหน้าต่างกุหลาบสมัยใหม่เรื่องศาสดาและสาวก 12 องค์ เมื่อปี ค.ศ. 1481 ไฟไหม้หลังคาวัดและทำลายหอคอยสี่หอที่สูงกว่าหลังคาจนราบลงมาแค่ระดับหลังคา เหนือบริเวณสงฆ์ขึ้นไปเป็นหอระฆังไม้หุ้มด้วยตะกั่วสูง 18 เมตรสร้างเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 15 และซ่อมเมื่อปี ค.ศ. 1920

รูปแบบภายใน : ทางเดินกลางของมหาวิหารยาว 138.75 เมตร กว้าง 30 เมตร สูง 38 เมตร ทางเดินกลางขนาบด้ายทางเดินข้าง แขนกางเขนก็เป็นทางเดินหลายช่อง บริเวณสงฆ์เป็นทางเดินคู่ หลังมุขมีทางเดินรอบ และคูหาสวดมนต์กระจายออกไปทางด้านหลัง ภายในมีหน้าต่างประดับกระจกสีที่สร้างระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึง 20 ประดับ
นอกจากนั้นทางมหาวิหารยังมีพรมทอแขวนผนัง (tapestries) ชุดที่มีค่าที่สุดถวายให้แก่วัดโดยโรเบิร์ต เดอ เลนองคอรต์ (Robert de Lenoncourt) ผู้เป็นอัครบาทหลวงในสมัยพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 เป็นเรื่องพระแม่มารี ปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่วังเทา (Palace of Tau) ซึ่งเดิมเป็นที่ประทับของบาทหลวง ทางด้านเหนือแขนกางเขนมีออร์แกนในตู้แบบกอธิควิจิตร (Flamboyant Gothic) นาฬิกาที่ตกแต่งด้วยกลไกที่สวยงาม และงานหน้าต่างประดับกระจกสีโดยศิลปินมีชื่อเสียงชาวรัสเซีย มาร์ค ชากาล (Marc Chagall) ที่ติดตั้งเมื่อ ค.ศ. 1974   มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. 1862  มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์ได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1991





http://th.wikipedia.org/wiki/



6. แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง
สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมมากที่สุดมีดังนี้[3] หอไอเฟล (6.2 ล้าน) , พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (5.7 ล้าน) , พระราชวังแวร์ซายส์ (2.8 ล้าน) , พิพิธภัณฑ์ออร์เซ (2.1 ล้าน) , ประตูชัยฝรั่งเศส (1.2 ล้าน) , ซองตร์ ปอมปิดู (1.2 ล้าน) , มงต์-แซงต์-มิแชล (1 ล้าน) , ชาโต เดอ ชองบอร์ด (711,000) , แซงต์-ชาแปลล์ (683,000) , ชาโต ดู โอต์-โคนิคบูร์ก (549,000) , ปุย เดอ โดม (5 แสน) , พิพิธภัณฑ์ปิกัสโซ (441,000) และการ์กาสซอนน์ (362,000)

http://www.youtube.com/watch?v=wl2p9olgAsg&feature=related



หอไอเฟล (ฝรั่งเศส: Tour Eiffel)


             หอคอยโครงสร้างเหล็ก ที่Champ de Mars บริเวณแม่น้ำแซน ในเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส สถานที่และสัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของฝรั่งเศสก่อสร้างในปี พ.ศ. 2432 โดยกุสตาฟไอเฟล
ผู้ออกแบบคนเดียวกับเทพีเสรีภาพ เพื่อเป็นสัญลักษณ์การจัดงานแสดงสินค้าโลกในปี 1889 ฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการ ปฏิวัติอุตสาหกรรม หอไอเฟลทำขึ้นจากโลหะ 15,000 ชิ้น หนักถึง 7,000 ตัน ยึดต่อด้วยน๊อต 2,500,000 ตัว สีทาทั้งหมด 35 ตัน สูง 1,050 ฟุตสิ้นเงินค่าก่อสร้าง 7,799,401ฟรังก์แรกๆ ที่หอไอฟสร้างเสร็จ หอไอเฟลได้รับการประณามโดยทั่วไปว่าเป็นไอเดียที่ประหลาดและไม่เข้าท่าหอคอยไอเฟลได้ชื่อว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในช่วงเวลา พ.ศ. 2432 ถึง 2473 ในปัจจุบัน หอคอยไอเฟลมีนักท่องเที่ยวเยี่ยมชมประมาณ5.5ล้านคนต่อปีนับเป็นหนึ่งใน7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่


พระราชวังแวร์ซายส์



                พระราชวังแวร์ซายน์ อยู่ในกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศสเป็นพระราชวังที่สวยงามน่ามหัศจรรย์ยิ่งแห่งหนึ่งของโลกสมัยปัจจุบัน สร้างโดย พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส มีอัลเครด เลอ นอสเตอ์เป็นสถาปนิกลงมือสร้างเมื่อ ค.ศ. 1661 สร้างอยู่นาน 30 ปีจึงแล้วเสร็จ สิ้นเงินค่าก่อสร้าง 500,000,000ฟรังก์ ใช้คนงาน 30,000คน ทุกส่วนทำด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นแบบอย่างและศิลปกรรมก่อสร้างที่งดงามมาก ภายในพระราชวังแวร์ซายน์ แบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ เช่น
ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องทรงพระอักษร ห้องโถง ห้องออกว่าราชการ ทุกห้องมีเครื่องประดับประดาล้วนแต่มีค่าสูงมากมายทั้งวัตถุ และภาพเขียนที่มีชื่อเสียง ห้องที่มีชื่อมากที่สุดของพระราช วังแห่งนี้ก็คือห้องกระจก ซึ่งเคยใช้เป็นห้องลงนามในสัญญาสงบศึก ระหว่างสัมพันธมิตรกับเยอรมันในมหายุทธสงครามโลกครั้งแรกและเป็นที่ใช้ลงนามในเมื่อเยอรมันบุกตีชนะฝรั่งเศสในมหายุทธสงครามโลกครั้งที่ 2 อีกด้วย ในการทำสงครามใหญ่ทุกครั้งฝรั่งเศส
จะประกาศให้กรุงปารีสเป็นเขตปลอดสงครามคือไม่มีทหารตั้งอยู่ทั้งนี้เพื่อรักษาไม่ให้พระราชวังแห่งนี้ต้องได้รับความเสียหายจากการโจมตี ของข้าศึกไม่ว่าโดยทางใด



พิพิธภัณฑ์ลูฟร์



                 พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (ฝรั่งเศส: Musée du Louvre) เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งได้เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์คาเปเทียง
ตัวอาคารเดิมทีเคยเป็นพระราชวังหลวงซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โดดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่ง Antiochในปี พ.ศ. 2549 พิพิธภัณฑ์ลูฟร์มีผู้มาเยี่ยมชมเป็นจำนวน 8.3 ล้านคน ทำให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้มาเยี่ยมชมมากที่สุดในโลก และยังเป็นสถานที่ที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุดในกรุงปารีส


ประตูชัย


          ประตูชัยนี้ ตั้งอยู่บนถนนช็อง-เอลิเซ่ส์ ที่ตำบลเอตัวล์ บริเวณจตุรัสแห่งดวงดาว (Place de l'Etoile) เป็นประตูชัยที่สร้างโดยสถาปนิก ชื่อ ช็อง ชาลแกร็ง (Jean Chalgrin) ในสมัย พระเจ้านโปเลียนที่1และเสร็จในสมัยพระเจ้าหลุยส์-ฟิลลิปส์ (ค.ศ 1810-1836) สูง 50 เมตร หนา 50 เมตร และกว้าง 45 เมตร ที่ผนังด้านในใต้ส่วนโค้งมีการตกแต่งด้วยรูปสลักอันสวยงามต่างๆเช่น ผลงานชื่อ เดอปาร์ต เดส์ โวล็องติเอส หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ลา มาร์แซย์แยส (La Marseillaise) และผลงานเกี่ยวกับชัยชนะทางทิศตะวันตก ของ พระเจ้านโปเลียน ที่ตอนบนของส่วนโค้งเป็นภาพนูนต่ำ แสดงถึงพิธีศพของ มาร์โซ (Marceau) สงครามอาเล็กซานเดรีย (Alexandrie) ออสเตร์ลิทซ์ (Austerlitz)


มิวซีโดแรง

           บ้านของประติมากรเอกแห่งฝรั่งเศส ออกุสต์ โรแดง ซึ่งได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงผลงานที่ล้ำค่าที่โรแดงได้ทิ้งเอาไว้ให้เป็นสมบัติของชาติ ผู้ที่รักศิลปะไม่ควรพลาดการไปเยี่ยมชมที่นี่

http://pirun.ku.ac.th/~b4913134/tralvel.html   ,   http://guru.sanook.com/history/topic/3911/


7. ของที่ระลึก
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบประเทศฝรั่งเศสต้องรู้จักข้าวของเครื่องใช้ที่เลื่องชื่อในประเทศฝรั่งเศส

น้ำหอม
คือสิ่งแรกที่คุณคิดจะซื้อจากฝรั่งเศสอย่างแน่นอน เพราะประเทศนี้นั้นมีชื่อเสียงในการทำน้ำหอมอย่างมาก ฝรั่งเศสนั้นมีชื่อเสียงในด้าน การผลิตน้ำหอมที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในโลกเลยทีเดียวใครไปเที่ยวฝรั่งเศสก็มักจะซื้อยี่ห้อที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับแล้วราคาจะถูกกว่าที่นำมาขายในต่างประเทศมาก เมืองที่มีชื่อเสียงและมีโรงงานผลิตหัวน้ำหอมกลิ่นต่าง ๆได้แก่ เมืองกราส ทางตอนใต้ของประเทศ ยี่ห้อน้ำหอมที่ขึ้นชื่อที่ฝรั่งเศสเป็นต้นตำรับได้แก่ Christian Dior, Civenchy, Rochas, Guerlain, Paco Rabanne

 

เครื่องสำอาง
เครื่องสำอางนานาชนิด นับตั้งแต่ครีมบำรุงผิว แป้งฝุ่น ลิปสติก อายแชโดว์ มาสคาร่า อายไลเนอร์ ฯลฯ ที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยล้วนผลิตในฝรั่งเศส เช่น Lancome, Orlane,Yves Saint Laurent ฯลฯ
เสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น
ทุกคนรู้จักฝรั่งเศสดีในนามของดินแดนแห่งแฟชั่นชั้นนำ เพราะ ที่นี่เป็นศูนย์รวมของดีไซเนอร์ชื่อดัง และเป็นต้นฉบับของแฟชั่นทั่วโลกเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าของ Channel, Yves Saint Laurent, Nina Ricci, Guy Laroche, Pierre Cardin ฯลฯ
กระเป๋าและเครื่องหนัง
ที่มีชื่อเสียงสุดๆ และเป็นที่นิยมสำหรับคนไทยก็คือ Channelและ Louis Vuittonเรียกได้ว่าถึงขนาดเข้าคิวกันซื้อเลยทีเดียว
ร้านขายของที่ระลึกในฝรั่งเศสมีอยู่ทั่วไปตามสถานที่ท่อง เที่ยวต่างๆและมักมีราคาแพงพอสมควร คือประมาณ 100 บาทขึ้นไปแต่ด้วยความสวยงามและยั่วยวนใจของนานาสินค้าหลากหลาย
อาจทำให้นักท่องเที่ยวหลงลืมคิดเทียบเงินฟรังค์กับเงินบาทเลยทีเดียว

http://pirun.ku.ac.th/~b4913134/tralvel.html


8. สรุป

          เมืองแรงส์ก่อตั้งขึ้นโดยกอล และได้กลายมาเป็นเมืองสำคัญระหว่างสมัยจักรวรรดิโรมัน ต่อมาเมืองแรงส์ก็มีบทบาทสำคัญต่อราชบัลลังก์ฝรั่งเศสในการเป็นสถานที่สำหรับการทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระมหากษัตริย์ฝรั่งเศสที่มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์
มหาวิหารแรงส์ หรือ มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์ ยังเคยใช้ในพิธีสวมมงกุฎกษัตริย์ของประเทศฝรั่งเศส มหาวิหารที่เห็นในปัจจุบันสร้างบนมหาวิหารเดิมที่ถูกไหม้ไป
มหาวิหารแรงส์ หรือ มหาวิหารโนเทรอดามแห่งแรงส์ (Cathédrale Notre-Dame de Reims) เป็นมหาวิหารของเมืองแรงส์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสถานที่ที่เป็นมรดกโลกที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อปลายคริสต์ศตวรรษที่ 13 กลุ่มของข้าพเจ้ารู้สึกทึ่งในรายละเอียดภาพแกะสลักภายนอกมหาวิหารและชอบศิลปะการสร้างและบูรณะขึ้นมาใหม่จากการสร้างสรรค์ ปติมากรรมที่น่าสนใจของสถาปนิกที่สร้างมหาวิหารแห่งนี้โดยใช้รายละเอียดการสร้างแบบประติมากรรมกอธิค การตกแต่งกระจกโดยใช้กระเบื้องแบบโมเสอิก และการแกะสลักภาพต่างๆที่ใช้ศิลปะการแกะนูน ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์ เพราะ สถาปนิกผู้สร้างจำเป็นที่จะต้องจดจำรายละเอียดของมหาวิหารเดิม และ ก่อสร้างขึ้นใหม่บนมหาวิหารเดิมที่ถูกไฟไหมไป กลุ่มของข้าพเจ้าจึงเห็นความสำคัญและต้องการที่จะนำเสนอรายละเอียดของมหาวิหารแห่งนี้ ซึ่งเป็นมรดกโลกที่น่าสนใจทางทวีปยุโรปก่อนที่มหาวิหารแห่งนี้จะถูกลืมไป และยังอยากที่จะนำเสนอสถานที่ที่เป็นมรดกโลกที่ใครๆอีกหลายคนไม่เคยได้รู้จักมาก่อน ให้ได้รู้จักเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย



9. บรรณานุกรม
•      Sacred-destinations.com: Reims Cathedral - Reims, France[www.sacred-destinations.com/france/reims-cathedral.htm]
•     http://whc.unesco.org/en/list/601
•     http://pirun.ku.ac.th/~b4913134
•     http://pirun.ku.ac.th/~b4913134/tralvel.html
•     http://th.wikipedia.org/wiki

1 ความคิดเห็น: